โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม กดทับเส้นประสาท เกิดจากภาวะที่มีหมอนรองกระดูกคอ หรือหินปูนที่เกิดขึ้นจากกระดูกคอเสื่อมเคลื่อนตัว ไปกดทับเส้นประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการปวดต้นคอ ร้าวลงสะบัก ร้าวลงที่แขน และมือทั้งสองข้างมีอาการชาแขน มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ ซึ่งโดยทั่วไป ภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อม หรือโพรงประสาทตีบแคบ อาจพบมีอาการข้างเดียว หรือ 2 ข้าง ในรายที่มีอาการหนัก
โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ในคนอายุน้อยอาจเกิดจากการบาดเจ็บของหมอนรองกระดูก เช่นการยกของหนัก การเล่นกีฬา หรือการได้รับอุบัติเหตุ อาจจะพบอาการได้มากขึ้นในช่วงอายุ 40-50 ปี จะเริ่มเกิดภาวะกระดูกคอเสื่อม มีหินปูนหรือโพรงประสาทตีบแคบ เมื่อเกิดภาวะ หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ หมอนรองกระดูกคอข้อที่ 5 -6 และ 6-7
อาการปวดต้นคอเรื้อรัง หรืออาจจะมีปวดต้นคอเฉียบพลัน หลังจากการยกของหนัก นั่งขับรถเป็นเวลานาน ต่อมาจะมีอาการปวดร้าวลงที่สะบัก ปวดร้าวลงแขน อาจจะมีชามือ หรือแขนอ่อนแรง การตรวจร่างกาย จะตรวจพบตำแหน่งที่กดเจ็บอยู่บริเวณกล้ามเนื้อคอ ตรวจพบอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณสะบักทั้ง 2 ข้าง มีอาการร้าวมาที่ข้อศอก อาการปวดร้าวมาที่ปลายนิ้วมือ มีอาการชาที่ปลายนิ้วมือ หากเป็นมากจะพบการอ่อนแรง ของกล้ามเนื้อแขน และกล้ามเนื้อมือ
โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้ จากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย การตรวจเอกซเรย์แบบไดนามิก เป็นการตรวจเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัย ภาวะความไม่มั่นคงของกระดูกคอ
การตรวจ CT Scan สามารถตรวจพบช่องโพรงประสาทตีบแคบ และหินปูนกดทับเส้นประสาท
การตรวจ MRI เป็นการตรวจที่เห็นรายละเอียดชัดเจนของหมอนรองกระดูก ที่กดทับเส้นประสาทได้มากกว่า 95 % และสามารถบอกความรุนแรงของโรค ในกรณีที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
การตรวจ emg NGV เป็นการตรวจความไวของเส้นประสาทจากการกดทับ ซึ่งจะช่วยในการแยกโรคจากภาวะเส้นประสาทส่วนปลาย
ในเบื้องต้น การรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท สามารถรักษาด้วยยา และรักษาโดยวิธีการทำกายภาพบำบัด
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ดีขึ้นในเวลา 6 สัปดาห์ หรือมีภาวะชาและอ่อนแรงของแขนมากขึ้น ทางแพทย์จะแนะนำรักษาโดยการผ่าตัด
• การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอ โดยใช้กล้องและเชื่อมข้อทางด้านหน้า ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังจะผ่าตัดเข้าทางด้านหน้าบริเวณคอ ใช้เครื่องมือสอดและถ่างขยายบริเวณช่องว่างกล้ามเนื้อคอ และนำหมอนรองกระดูกคอที่ถูกกดทับเส้นประสาทออกตามความจำเป็น หลังจากนั้นศัลยแพทย์จะปิดช่องว่าง โดยการเชื่อมข้อ ใช้วัสดุเชื่อมข้อเทียมแทนหมอนรองกระดูกสันหลัง และบางครั้งจะยึดตรึงด้วยสกรู หรือแผ่นโลหะ ผู้ป่วยจะสามารถกลับบ้านภายใน 2-3 วัน หลังการผ่าตัด สามารถปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันได้ปกติในเวลา 2-3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ร่างกายจะใช้เวลา 3 ถึง 6 เดือนในการสร้างกระดูกใหม่ เพื่อเชื่อมกระดูก ติดกัน
• ผลของการผ่าตัด
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกคอทางด้านหน้า หวังผลประสบความสำเร็จได้ 92 ถึง 100% โดยทั่วไปอาการปวดแขนจะลดลงได้มากกว่าปวดคอ อาการชา และกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะดีขึ้นหลังผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ความเสี่ยงจากการผ่าตัด
• ความเสี่ยงทั่วไป
อาจเกิดผลแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ ภาวะแผลติดเชื้อ การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ความเสี่ยงนี้ พบได้ 1-2 %
• ความเสี่ยงเฉพาะ
– บาดแผลติดเชื้อ อาการบาดเจ็บเส้นประสาท ภาวะเสียงแหบ สามารถพบได้ 1-3 %
– ภาวะกระดูกไม่เชื่อมติดตามกำหนด อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การสูบบุหรี่ โรคกระดูกพรุน โรคอ้วน หรือ อาจเกิดจากโลหะที่ใช้ยึดตรึง มีการหลวม หรือหัก ในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดเข้าไปแก้ไขใหม่
การปฏิบัติตัว หลังการรักษา
– หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การขับรถ ใน 2-4 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด งดการทำงานที่ต้องใช้แรงมาก
– ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ เริ่มจากการเดินในระยะสั้น และค่อยเพิ่มจำนวนการเดินจนถึง 1-2 กิโลเมตร หลีกเลี่ยงการนั่งติดต่อกัน เป็นเวลานาน
– ผู้ป่วยจะได้รับการนัดหมายให้มาทำแผลผ่าตัด หลังจากออกโรงพยาบาล 1-2 สัปดาห์ และนัดมาติดตามอาการเป็นระยะ อาจมีการแนะนำ การทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟู กล้ามเนื้อ หรือแนะนำ ให้ใส่อุปกรณ์พยุงคอ
– งดสูบบุหรี่ รักษาและควบคุมน้ำหนักตัว
– มีท่าทาง การนั่ง ยืน เดิน ที่ถูกต้อง